สำหรับบางคนที่อาจจะสงสัยว่าเที่ยวแบบไหนกันทำไมถึงเป็น5วัน3คืนไปได้ เมื่อก่อนก็เคยสงสัยว่าจะเป็นไปได้ยังไง แต่จริงๆแล้วส่วนใหญ่จะใช้สายการบินที่ออกเดินทางในช่วงหลังเที่ยงคืนซึ่งเป็นเช้าวันใหม่แต่เราจะต้องไปเช็คอินล่วงหน้าในช่วงกลางดึกซึ่งอยู่ในช่วงคืนก่อนวันเดินทางนั่นเอง(ลองดูในรายการท่องเที่ยวด้านล่างก็จะเข้าใจ)
ในขณะที่การมาเที่ยวในปักกิ่งนั้นก็สามารถเที่ยวได้หลายเส้นทาง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาลในแต่ละช่วงก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวแตกต่างกันออกไป แต่สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญหลักๆในปกชักกิ่งก็ยังสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี อย่างเช่น จัตุรัสเทียนอันเหมิน พระราชวังกู้กง พระราชวังฤดูร้อนหรือแม้แต่หอฟ้าเทียนถาน
วันที่1 ออกเดินทางสู่มหานครปักกิ่ง ประเทศจีน
23.30 น. ทางบริษัทได้นัดทางคณะให้มาพร้อมกันที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ประตู 10 เคาน์เตอร์
สายการบินแอร์ ไชน่า (CA) ควรจะมาให้ตรงตามเวลาที่ทางบริษัทนัดไว้ หากทางคณะมากัน
เร็วก็จะมีเวลาเดินช้อปปิ้งด้านในอาคารได้มากขึ้นและไม่ต้องรีบร้อน
วันที่2 ปักกิ่ง-จัตุรัสเทียนอันเหมิน-พระราชวังกู้กง-ผ่านชมสนามกีฬารังนกและสนามกีฬาว่าย
น้ำ-ชมกายกรรมปักกิ่ง
00.50 น. ขณะนี้เรากำลังนั่งประจำที่นั่งบนเครื่องบินเที่ยวบินที่ CA 980 และพร้อมเหินฟ้าไปปักกิ่งกัน
แล้วใครที่ชอ้อปปิ้งอย่าลืมตัวเด็ดขาดไม่เช่นนั้นอาจจะตกเครื่องได้ ขณะอยู่บนเครื่องก็ขอให้
พักผ่อนกันเต็มที่เพราะพรุ่งนี้เช้ามีศึกหนักรออยู่
06.30 น. การรอคอยได้สิ้นสุดลง เมื่อเราได้มาเหยียบสนามบินปักกิ่ง
กรุงปักกิ่ง
ปักกิ่ง หรือ เป่ย์จิง (Beijing)เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีน ปักกิ่งมีประวัติศาสตร์มาตั้งแต่เมื่อสามพันกว่าปีก่อน มีชื่อเรียกมากมายไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนตู เยี่ยนจิง ต้าตู เป่ยผิง จิงซือ ซุ่นเทียนฝู่ จนกระทั่งเปลี่ยนมาใช้ชื่อปักกิ่งในปีค.ศ1949 ปักกิ่งตั้งอยู่ทางที่ราบทางตอนเหนือของจีน ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ติดมาเมืองเทียนจินหรือเทียนสิน ส่วนที่เหลือจะโดนโอบล้อมจากมณฑลเหอเป่ย มีพื้นที่ประมาณ 16,410ตารางกิโลเมตร
ปัจจุบันประกอบไปด้วย14เขต 2อำเภอ ประชากร 19,610,000ล้านคน (สถิติ2010) แค่เมืองเดียวก็1ใน3ของไทยแล้ว เป็นนครที่ขึ้นตรงต่อส่วนกลาง เป็นศูนย์การเมือง วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ การศึกษาและเขตชุมทางการคมนาคมทั่วประเทศจีน และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ
ปักกิ่งเป็นเขตการปกครองพิเศษแบบมหานคร 1 ใน 4 แห่งของจีน ซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากับมณฑลหลังจากปักกิ่งได้รับการจัดตั้งเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949 โดยเฉพาะหลังจากสมัย 80 ศตวรรษที่ 20 เมืองปักกิ่งได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันนี้ปักกิ่งมีถนนที่สลับกัน ตึกสูงๆ โดยไม่เพียงแต่รักษาสภาพเมืองโบราณ และยังแสดงถึงสภาพเมืองที่ทันสมัย กลายเป็นเมืองใหญ่ของโลก
ปักกิ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่อันดับสองของประเทศจีนรองจากเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่งเป็นศูนย์กลางทางการปกครอง การศึกษา การขนส่ง และวัฒนธรรมจีน ในขณะที่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจนั้นจะอยู่ที่เซี่ยงไฮ้และฮ่องกง
ในส่วนภูมิอากาศนั้นในช่วงฤดูร้อนอากาศร้อนอบอ้าวและมีฝนตก ส่วนฤดูหนาวอากาศหนาวเย็นและแห้งแล้ง ดังนั้นก่อนการเดินทางควรตรวจสอบสภาพอากาศให้แน่ชัดเพื่อจะได้เตรียมเสื้อผ้าได้อย่างเหมาะสมนะจ๊ะ และที่สำคัญเวลาในประเทศจีนจะเร็วกว่าไทยอยู่1ชั่วโมง
ช่วงเช้า หลังจากออกจากสนามบินก็จะพาทุกคนไปรองท้องด้วยอาหารเช้ามื้อแรกกัน ซึ่งเช้านี้จะเป็น
ติ่มซำแบบจีนๆขนานแท้ เมื่อหนังท้องตึงกันแล้วก็ถึงเวลาที่เราทั้งหลายจะได้เริ่มต้นทักทาย
จตุรัสเทียนอันเหมินกันเป็นที่แรก
จตุรัสเทียนอันเหมิน
สถานที่แห่งนี้ที่มีประวัติศาสตร์ทางการเมืองมาอย่างยาวนานเหมือนกับอนุสาวรีย์ประชาธิป
ไตยของไทยเรานั่นเอง โดยในปัจจุบันต้องถือว่าเป็นจตุรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเพราะที่เนื้อที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว่า440,000ตารางเมตร ความยาวตั้งแต่ทิศเหนือจรดทิศใต้ 880 เมตร ทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตก 500 เมตร นอกจากนี้แล้วบริเวณโดยรอบยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญและสถานราชการมากมาย อาทิ หอประตูเทียนอันเหมินที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือสุดของจัตุรัส ธงแดงดาว 5 ดวงผืนใหญ่โบกสะบัดอยู่เหนือเสาธงกลางจัตุรัส อนุสาวรีย์วีรชนใจกลางจัตุรัส มหาศาลาประชาคมด้านทิศตะวันตกของจัตุรัส ตลอดจนพิพิธภัณฑ์การปฏิวัติแห่งชาติและพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ชาติจีนทางฝั่งตะวันออก นอกจากนี้ทางด้านทิศใต้ยังมี หอรำลึกท่านประธานเหมาและหอประตูเจิ้งหยางเหมินหรือเฉียนเหมิน เป็นต้น
พระราชวังกู้กง
หรือที่เรารู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าเมืองต้องห้าม เคยเป็นพระราชวังในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง เริ่มก่อสร้างในสมัยจักรพรรดิ์หย่งเล่อปีค.ศ.1406 และแล้วเสร็จในปีค.ศ.1420มีอายุเก่าแก่กว่า600ปี เนื้อที่พระราชวังประมาณ72,000ตารางเมตร มีห้องทั้งสิ้น8พันกว่าห้อง ถือเป็นพระราชวังที่ที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดในโลกอีกด้วย
กลางวัน หลังจากเดินชมกันมาพอสมควรก็ได้เวลาอาหารกลางวัน โดยในมื้อนี้เราจะเสริฟ์อารหารใน
สไตล์แต้จิ๋วกัน
